บทที่4 การแข่งขันกีฬาแบดมินตัน

บทที่4

การแข่งขันกีฬาแบดมินตัน

การแข่งขันประเภทคู่

               การแข่งขันประเภทคู่หมายถึงเกมการเล่นกันเป็นคู่มีฝ่ายละสองคนรวมกันเป็น4 คนเกมการเล่นประเภทนี้เป็นเกมการเล่นที่รวดเร็วไม่ว่าหญิงคู่หรือชายคู่หรือคู่ผสมต้องใช้ความว่องไวรวดเร็วใการตีลูกรับลูกมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่เสมอ การเล่นประเภทคู่จะแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
           1. ประเภทชายคู่
            2.ประเภทหญิงคู่
            3.ประเภทคู่ผสม
ทั้ง 3 ประเภทนี้ใช้หลักและวิธีการมาจากพื้นฐานเดียวกัน การเล่นประเภทคู่เป็นที่นิยมกันมากกว่าการเล่นประเภทเดี่ยว เพราะรับผิดชอบน้อยกว่าและเหนื่อยน้อยกว่าส่วนใหญ่เกมนี้มักใช้ในการสังสรรค์กันได้เป็นอย่างดี นักเล่นเดี่ยวที่ดีใช่ว่าจะเล่นคู่ได้ดีเสมอไปเพราะการเล่นคู่ทุกประเภทต้องอาศัยหลักการจู่โจมบุกตะลุยฝ่ายตรงข้าม ต้องมีการประสานกันอย่างดี ซึ่งผิดกับเกมการเล่นเดี่ยวที่ผู้เล่นต้องตัดสินใจคนเดียวเล่นคนเดียว ถ้ามาเล่นคู่อาจผิดพลาดไปมากก็ได้
เกมการเล่นคู่มีความเร็วมากกว่าเกมเดี่ยวเพราะผู้เล่นแต่ละคนจะต้องรับผิดชอบบนพื้นที่ที่แคบกว่าต้องเข้าตีลุกได้เร็วขึ้นและตบลูกได้โดยไม่กลัวเสียความสมดุลหรือเสียท่าการทรงตัวเพราะมีอีกคนคอยช่วยเหลืออยู่ เกมประเภทนี้จึงต้องอาศัยความสัมพันธ์ของคู่รู้จักการประสานงานกันมีการรับผิดชอบต่อกันดี นักเล่นคู่จะพยายามหาคู่ที่มีมาตรฐานการเล่นไล่เลี่ยกัน อุปนิสัยค่อนข้างเหมือนกันมีความเข้า ใจและความเชื่อมั่นในฝีมือของกันและกัน เคยฝึกฝนมาด้วยกันทั้งสองคนต้องอ่านเกมการเล่นของทีมตรงข้ามได้และช่วยตอบโต้

แบบของการยืนเล่นประเภทคู่
             แบดมินตันเป็นเกมการเล่นประเภทคู่ที่ต้องมีความสัมพันธ์ในคู่ของตัวเองจึงต้องฝึกแบบการยืนแบบการยืนแบดมินตันประเภทคู่นั้นพอจะแยกได้ว่ามี 5 แบบทุกแบบมีทั้งข้อดีและข้อเสียอยู่ด้วยกันทั้งนั้นแต่ในระหว่างที่ลูกอยู่ในการเล่นนั้นการเปลี่ยนแบบเล่นนั้นเป็นผลเสียมากขึ้นแบบของการเล่นประเภทคู่ทั้ง 5 แบบดังนี้
    1.การยืนแบบเคียงข้างการเล่นคู่แบบนี้ผู้เล่นทั้งสองยืนเคียงข้างกันตลอดเวลาผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องตีลูกใด ๆก็ตามที่พุ่งมาในสนามส่วนของตนจากตาข่ายถึงเส้นหลังสุดส่วนผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางสนามด้านซ้ายมือก็ทำนองเดียวกันผู้เล่นคู่แบบนี้ต้องทราบด้วยว่าผู้เล่นที่อยู่ทางสนามด้านซ้ายมือนั้นต้องตีลูกขนไก่ซึ่งพุ่งมาตรงกลางเส้นสนามด้วย แต่ผู้เล่นอีกคนหนึ่งเล่นด้วยมือซ้าย ต้องตกลงกันก่อนว่าใครจะเป็นผู้ตีลูกขนไก่ที่พุ่งมาที่เส้นกลางสนามประเภทการยืนแบบนี้สำหรับผู้ที่เริ่มเล่นจะให้ผลดีมาก โดยที่ผู้เริ่มเล่นจะฝึกตีลูกต่างๆได้และการฝึกการวิ่งจากด้านหน้าสนามไปทางด้านหลังสนามแล้วกลับมายังตำแหน่งเตรียมพร้อมกลางสนามอยู่บ่อยๆ ทั้งหน้าที่กันในสนามก็แบ่งกันอย่างชัดเจนว่า คนนี้ตีด้านนั้นของสนาม ส่วนอีกคนตีอีกด้านหนึ่งตามแต่จะตกลงกัน
    2.การยืนแบบหน้า – หลังการเล่นคู่แบบยืนหน้า – หลังนี้ คือ คนหนึ่งยืนอยู่ส่วนหน้าของสนามใกล้ตาข่าย และตีลูกทางส่วนหน้าของสนาม และอีกคนหนึ่งต้องตีลูกส่วนหลังของสนาม การเล่นแบบยืนหน้า – หลังหรือคุมหน้าคุมหลังเหมาะสำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือและความแข็ง แกร่งแตกต่างกันมาก จึงเป็นแบบมาตรฐานสำหรับการเล่นแบบคู่ผสมไปเมื่อทำการส่งลูกแล้วคนหนึ่งให้ไปยืนคุมทางด้านหน้าของสนามเมื่อตกเป็นฝ่ายรับลูกจากการส่งลูกให้คนรับลูกเป็นคนคุมหน้าอีกคนคุมหลังโดยจะแบ่งหน้าที่เช่นนี้ตลอดหรือสลับกันก็ได้การเล่นแบบนี้หากเป็นการเล่นแบบคู่ผสมชาย – หญิงแล้วจะให้ผลดีมากโดยใช้หญิงคอยตีด้านหน้าใกล้ตาข่ายตลอดเวลา สำหรับชายให้ยืนคุมหลังตลอด เพราะเป็นผู้ที่มีความแข็งแรงกว่าผู้เล่นหน้าสนามต้องมีความแม่นยำ รวดเร็ว และเชิงดี และไม่ต้องใช้กำลังมาก แต่การยืนประเภทนี้มีจุดอ่อนอยู่ คือตำแหน่งด้านหน้าหลังของผู้เล่นที่ยืนใกล้ตาข่ายเยื้องมาทางซ้ายมือและขวามือเป็นมุม 45 องศาชิดเส้นของทั้งสองเส้น จะเป็นจุดให้อีกฝ่ายโจมตีได้ง่าย แต่ในการเล่นคู่แล้วลูกโด่งจะเสียเปรียบให้กับอีกฝ่ายได้ง่ายการเล่นกับคู่ที่เล่นการยืนแบบนี้ ให้เล่นด้วยลูกทแยงให้เลยด้านหลังของผู้คนที่ยืนอยู่ใกล้ตาข่าย จะทำให้คนที่ยืนคุมหลังต้องถลำตัวเข้ามาแก้โดยต้องตีลูกโด่งขึ้น แล้วค่อยใช้ลูกตบหรือลูกทแยงไปอีกด้านหนึ่งโดยพยายามให้คนที่คุมหลังของคู่ต่อสู้ต้องวิ่งและเสียหลักอยู่ตลอดเวลาจะทำให้ฝ่ายเราได้เปรียบและหวังแต้มได้มากกว่า
    3.การยืนแบบเยื้องกันการยืนแบบนี้ เป็นการยืนรวมแบบการเล่นที่ยืนเคียงข้างกับการยืนหน้าหลังโดยแบ่งสนามเล่นตามแนวทแยง ผู้เล่นที่อยู่ทางขวามือต้องตีลูกทางด้านขวาครึ่งหนึ่ง และคุมหน้าตาข่ายทั้งหมดส่วนผู้ซึ่งอยู่ทางซ้ายมือรับผิดชอบตีลูกที่อยู่ทางซ้ายจากเส้นสั้นถึงเส้นหลัง และคุมด้านหลังสนามทั้งหมดการยืนคู่แบบนี้ปัจจุบันไม่นิยมกันมากนักนอกจากจะใช้ผสมกับแบบอื่นเป็นครั้งคราวจุดเด่นของการยืนแบบนี้นั้น อยู่ที่ว่าผู้เล่นคนหนึ่งสามารถรับลูกที่พุ่งมาทางมุมสนามด้านหลังมือได้ดีจุดอ่อนของการยืนแบบนี้มีอยู่ว่า ในบางครั้งที่ผู้เล่นหน้าโดยเฉพาะลูกที่เลยเส้นสั้นมาทางสนามด้านซ้าย และผู้ต่อสู้โต้กลับมาทางมุมขวาก็จะทำให้ผู้เล่นด้านซ้ายตกอยู่ฐานะลำบากขึ้นมาทันที ทั้งการแบ่งหน้าที่ก็ไม่ชัดเจนเหมือนกับการยืนเล่นคู่แบบอื่นๆ
    4.การยืนแบบวนการยืนแบบวนนี้เป็นการเล่นแบบผสมผสานระหว่างวิธีการยืนทั้งคู่ทั้ง 3 แบบดังที่ได้อธิบายไว้แล้วข้างต้นนำมารวมเข้าด้วยกันการยืนแบบคู่วนนี้ผู้เล่นคู่หมุนวนกันไปทั้งสองคนในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา เมื่อผู้เล่นในสนามด้านขวาต้องเคลื่อนตัวเข้ามาทางตาข่ายผู้เล่นที่ยืนในสนามด้านซ้ายจะเคลื่อนตัวมาทางสนามด้านขวา และต่อมาผู้เล่นที่ยืนอยู่ทางด้านหน้าเคลื่อนตัวเป็นวงกลับไปทางด้านหลัง ผู้ที่อยู่ด้านหลังก็จะกลัวตัวมาทางด้านหน้า การเล่นคู่แบบนี้มีผลดีกว่าตรงที่ว่า ผู้เล่นทั้งสองมีโอกาสตีหน้ามือ มากที่สุดซึ่งเป็นลูกที่ถนัดและหวังแต้มได้มากอย่างไรก็ตามสำหรับผู้เล่นชั้นดีนั้นการเล่นแบบนี้มีจุดอ่อนอยู่มิใช่น้อยโดยที่ผู้เล่นทางซ้ายมักถูกบีบบังคับให้ต้องเข้ามาใกล้ตาข่ายอยู่เสมอ ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นทางด้านขวาต้องกลับไปคุมด้านหลังสนาม เมื่อเป็นเช่นนี้จะมีผลทำให้วงกลมหมุนกลับคือหมุนตามนาฬิกา และผู้ต้องตีลูกด้วยหลังมือซึ่งเป็นลูกแก้ จะเป็นการทำลายข้อได้เปรียบที่จะได้ตีลูกทางด้านหน้า ให้มากที่สุดนั้นลงเสีย
    5.การยืนแบบรวมและวนสำหรับผู้เล่นที่ได้ฝึกฝนเล่นแบดมินตันมานานพอสมควร ก็ควรจะฝึกเล่นการยืนแบบรวมนี้การเล่นแบบยืนรวมนี้อาจเรียกอีกอย่างว่าแบบคนละข้างซึ่งให้ผลดีมากสำหรับผู้ตีลูกแบดมินตันได้คล่องทุกประเภทมาแล้วการยืนแบบรวมและวนนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นแบบพิเศษเป็นการรวมข้อดีของการยืนทั้ง 4 แบบ ดังที่กล่าวมาเข้าด้วยกัน เมื่อเป็นฝ่ายส่งลูกผู้เล่นจะยืนแบบคุมหน้าคุมหลังเมื่อคู่ต่อสู้ตีลูกมาก็จะแยกกลับกันคนละซีกสนามเพื่อป้องกันการตกเป็นฝ่ายรับเมื่อๆได้โอกาสบุกก็เปลี่ยนเป็นแบบยืนหน้ายืนหลัง ผุ้ยืนอยู่ทางด้านหน้าคอยตีให้ลูกขนไก่ต่ำกว่าตาข่าย เมื่อคู่ต่อสู้ใช้ลูกโด่งผู้อยู่ด้านหลังจะตบลูกแล้วผู้อยู่ด้านหน้าคอยซ้ำเติมวนกันไปมา การเล่นแบบนี้จัดว่าเหมาะสำหรับผู้เล่นชั้นเยี่ยมที่คู่ขามีกำลังและฝีมือทัดเทียมกันแบบการยืนประเภทคู่ทั้ง 5 แบบนี้สามารถใช้ในการเล่นกับประเภทคู่ทั้งหมดคือชายคู่หญิงคู่และคู่ผสมเหมือนกันหมดทุกอย่างแล้วแต่จะเลือกแบบใดก็ได้

วิธีส่งลูกการเล่นประเภทคู่

              นิยมส่งลูกสั้น เพราะใช้แรงเพียงเล็กน้อยให้เฉียดตาข่าย สูงกว่าตาข่ายประมาณ 1 – 8 นิ้วการส่งลุกสั้นนี้จะเป็นการบังคับให้ผู้รับลูกตีกลับมาด้วยลูกสั้นหรือลูกโด่ง ซึ่งทำให้ฝ่ายส่งลูกมีโอกาสที่จะสามารถตีทำคะแนนได้ จุดที่ควรส่งลูกนั้นคือมุมทั้งสองของสนามในการส่งลูกสั้นเมื่อส่งลูกไปแล้วควรวิ่งตามลูกเข้าไปใกล้ตาข่ายเพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายตีลูกสั้นกลับมาส่วนคู่ของผู้ส่งลูกจะยืนที่ท้ายสนามเพื่อป้องกันมิให้สนามมีพื้นที่ว่าง

การรับลูกในการเล่นประเภทคู่

               การยืนรับลูกควรยืนใกล้เส้นส่งลูกสั้นและพยายามที่จะหาทางตีโต้กลับไปอย่างรวดเร็วทำให้อีกฝ่ายแก้สถานการณ์ยาก การรับลูกในการเล่นประเภทคู่ต้องพยายามที่จะตีลูกกดต่ำลงไว้เสมอเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเป็นฝ่ายรับด้วยลูกดาด ลูกหยอด และตีลูกทแยงและตีลูกข้ามตาข่ายไป

การแข่งขันประเภทเดี่ยว


                เกมส์การแข่งขันประเภทเดี่ยวของแบดมินตันนั้น เป็นเกมการทดสอบสมรรถภาพทดสอบความอดทน ทดสอบพลังจิตการต่อสู้ ผู้เล่นต้องมีความชำนานและแม่นยำในการตีลูก การเล่นต้องอาศัยชั้นเชิงความไหวพริบปฏิภาณดีรู้จักแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าพยายามทำการแก้ไขลูกให้ฝ่ายตนต้องเตรียม พร้อมตัวเองอยู่เสมอ

คุณสมบัติของผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยว
1.ความสมบรูณ์ของร่างกายมีกำลังที่จะตีลูกขนไก่ได้ตลอดการแข่งขัน
2.มีความแม่นยำในการตีลูกให้ถึงมุมทั้งลูกมุมสนามทางด้านหลังลูกหยอดมุมสนามทั้งสองด้าน
3.มีพลังของจิตใจที่ดีในการต่อสู้เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ในทุกวิถีทาง
4.ในการตีลูกแต่ละครั้ง ต้องถือหลักเกณฑ์ว่าในการตีลูกข้ามตาข่ายต้องกระทำกับคู่ต่อสู้ดังนี้
5.ให้คู่ต่อสู้วิ่งได้ไกลที่สุด
6.ให้ฝ่ายคู่แข่งเสียแรงมากที่สุด
7.ให้ตีลูกโต้กลับมาได้ยากที่สุด

วิธีการเล่นเดี่ยว
1.จะต้องประกอบด้วยผู้เล่น 2 คนข้างละ 1 คนสนามต้องกว้าง17 ฟุตยาว44ฟุต (ความสูงของตาข่าย และเสาเป็นไปตามกติกาการเล่น) การส่งลูกเริ่มแรกจะส่งทางสนามด้านขวามือสิ่งที่ผู้เล่นแบดมินตันประเภทเดี่ยวควรคำนึง มีดังต่อไปนี้
 การยืน ต้องรักษาจุดศูนย์กลางเพื่อเตรียมพร้อมที่จะรักษาพื้นที่ของสนามได้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว จุดศูนย์กลางของประเภทเดี่ยวอยู่ที่เส้นกลางที่ห่างจากเส้นส่งลูกสั้นมาหลังสนามประมาณ 3 ฟุตเศษ เมื่อผู้เล่นยืนคร่อมเส้นกลางจะทำให้ยืนค่อนไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อรักษาพื้นที่และจะได้ครอบคลุมสนามหน้าตาข่ายได้สมบรูณ์ขึ้น ซึ่งผู้เล่นไม่เพียงแต่จะวิ่งเข้ารับลูกหยอดได้ทันท่วงทีเท่านั้นยังจะต้องสามารถตีลูกในระดับสูงอีกด้วย จึงทำให้มุมการตีกว้างขึ้น ฉะนั้นโอกาสที่จะใช้ลูกหลอกล่อก็มีมากขึ้นจุดศูนย์กลางจะเป็นฐานทัพของการเล่นเดี่ยว ไม่ว่าผู้เล่นจะพาตัวไปตีลูกยังส่วนใดของสนาม เมื่อตีลูกตอบโต้ข้ามไปแล้ว จะต้องคืนสู่จุดศูนย์กลางในลักษณะเตรียมพร้อมซึ่งจะเป็นการแบ่งช่องว่างในแต่ละส่วนของสนามให้เท่าๆกัน
2. เป้าหมายในการตี ที่สำคัญๆมีอยู่ 4 มุมในสนาม จะเป็นการทำให้คู่แข่งขันออกจากจุดศูนย์กลาง และเปิดช่องว่างให้เรามากที่สุดเป้าหมายสูงสุดของมุมหลัง ถ้าผู้เล่นสามารถโยนลูกโด่งไปสู่เป้าหมายดังกล่าวนอกจากจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามถูกดึงไปตีลูกถึงหลังสนามแล้วยังเป็นเป้าหมายที่ปลอด ภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมุมซ้ายที่คู่ต่อสู้ต้องตีด้วยลูกหลังมือ ลูกที่โยนโด่งไปมาด้านหลังนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าคู่ต่อสู้หลักยังดีอยู่ก็ให้โยนลูกให้สูง เพื่อกันถูกคู่ต่อสู้ตะปบลูกถ้าคู่ต่อสู้เสียหลักก็ให้โยนลูกต่ำลงแรงและเร็วกว่าเดิมเพื่อตัดเวลาของลูกให้น้อยลง บังคับให้อีกฝ่ายตีลูกในเวลาจำกัด และไม่สามารถบังคับลูกให้เป็นไปตามวิถีที่ต้องการได้การตีลูกไปสู่เป้าหมายสองมุมหน้า ซึ่งใช้ลูกแตะหยอดหรือหยอดธรรมดา ลูกที่ย้อยข้ามจะต้องมีวิถีโค้งและปักหัวลงเมื่อลูกพ้นตาข่าย ถ้าลูกจะย้อยลงใกล้ตาข่ายก็จะเป็นการดึงให้คู่แข่งขันต้องเข้ามาตีลูกหรืองัดลูกทางด้านหน้าสุดของสนามซึ่งจะทำให้ลูกโด่งทำให้รับลูกสามารถตบลูกนี้ได้ หรือเลือกเล่นลูกอะไรก็ได้ถามถนัด
3.จุดที่สำคัญ ๆ ในเกมส์ นักเล่นที่ฉลาดจะต้องเป็นผู้รู้เกมส์การเล่นของคู่ต่อสู้อย่างละเอียด โดยศึกษาดูสิ่งเหล่านี้ คือ(1) จุดเด่น ของคู่แข่งขันอย่างละเอียด โดยศึกษาการตีของคู่แข่งขันมาอย่างละเอียดก่อนศึกษาดูว่าคู่แข่งขันถนัดตีลูกใดมีกำลังและความสามารถเท่าใดก่อนที่จะทำการแข่งขันจงนำมาวางแผนก่อนเสมอ(2) จุดบกพร่อง ในการเล่นเกมส์ใดก็ตามการศึกษาดูจุดบกพร่องของคู่ต่อสู้ได้มากเท่าใดยิ่งเป็นการดี เช่น ดูลักษณะความถนัดของการตี การรับและการเคลื่อนไหวพยายามส่งลูกไปยังจุดนั้นให้มาก ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงเกมส์ที่คู่ต่อสู้ถนัดพร้อมทั้งใช้ชั้นเชิงดึงคู่ต่อสู้มาเล่นเกมส์ในเกมส์ของเราการทำเช่นนี้ย่อมได้เปรียบคู่ต่อสู้
4. ส่งลูกในการเล่นประเภทเดี่ยว การส่งลูกควรส่งลูกโด่งหลังสนามให้มากที่สุดประมาณ 90% ของลูกเดี่ยวทั้งหมดควรส่งลูกโด่งไปยังตำแหน่งต่างๆใกล้เส้นหลังโดยไม่ซ้ำที่กันลูกที่ดีคือลูกโด่งหลังที่ตกใกล้เส้นแบ่งกลางสนาม จะทำให้คู่ต่อสู้มีมุมในการโต้กลับน้อยและเป็นการบีบบังคับให้คู่ต่อสู้ออกจากตำแหน่งกลางสนามอีกประการหนึ่งคือจะทำให้คู่แข่งขันตีโต้กลับมากลางสนามไม่ว่าจะตีลูกใดก็ตามอีกประการที่สำคัญของการส่งลูก เราอย่าให้คู่ต่อสู้รู้ว่าเราจะส่งลูกอะไร ลักษณะไหนทั้งนี้อาจทำได้โดยการส่งลูกในลักษณะเดียวกันหมด
5.การตอบโต้ (ลูกโยน) การตีลูกทุกครั้งต้องตีอย่างรวดเร็วและไม่ลังเล โดยตัดสินใจว่าเป้าหมายจะตีนั้นปลอดภัย และได้เปรียบคู่ต่อสู้เสมอในเกมส์เดี่ยว ส่วนใหญ่แล้วมักใช้ลูกโยนหลัง และการเล่นลูกมุมทั้ง 4 จะเป็นลูกที่ปลอดภัยที่สุด
6.การตอบโต้ลูกต่ำและลูกหยอด ถ้าการส่งลูกต่ำเรารู้รับจะต้องรีบเคลื่อนตัวเข้าลุกและตีลูกข้างหน้าทันที อย่ารอให้ลูกวิ่งมาหาเราเอง เพื่อรักษาระดับการตีลูกให้สูงและใช้การตีลูกกดให้ต่ำถ้าเราเข้าช้าก็จะต้องเล่นลูกงัดใต้มือ ลูกจะข้ามไปให้อีกฝ่ายกดต่ำกลับมาเป้าหมายที่ปลอดภัยในการโต้ ตอบลูกส่งต่ำคือการแย็บที่เร็วหรืองัดโดยตรงไปสองมุมหลังหรือหยอดทิ้งไว้สองมุมหน้าให้ระวังการเย็บลูกที่คู่ต่อสู้อาจดักไว้ก่อนถ้าเป็นการแย็บให้โยนกลับไปหลังโดยเร็ว
7.ลูกทแยงสนาม เป็นลูกที่ตีโต้ได้ผลลูกหนึ่งโดยเฉพาะใช้สลับกับการเล่นลูกครึ่งตบครึ่งตัดทแยงสนามจะเป็นการเพิ่มในการรุกโจมตีได้มากขึ้นบางครั้งถ้าเราเห็นคู่แข่งขันออกจากจุดเตรียม พร้อมอย่างผลีผลามก็จะยิ่งเปิดโอกาสให้เราเล่นลูกย้อนรอยคู่ต่อสู้ได้แต่การตีลูกอย่าตีซ้ำจนฝ่ายตรงข้ามจับทางถูกจะเป็นอันตรายแก่เราโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูกหยอดทแยงนั้น อย่าทำซ้ำ ๆ จนคู่ต่อสู้ รู้ทางเพราะลูกจะถูกตบไปทางมุมหลังการเล่นลูกงัดจากหน้าตาข่ายไปทางหลังสนามจะต้องโด่งและดึงแดนหลังจริง ๆ เพราะถ้าไม่โด่งจริงแล้วจะถูกคู่ต่อสู้ดักตีลูกด้วยลูกตบทแยงไปอีกมุมทำให้เราต้องเพรี่ยงพร้ำเช่นกัน
8.ลูกตบ ลูกที่จะทำให้คู่ต่อสู้รับยากคือลูกตบที่พุ่งขนานเส้นตั้งเพราะเป็นการตบลูกที่มีวิถีตรงและมีระยะทางวิ่งสั้นลูกตบจะต้องมีวิถีความยาวสั้นไม่เท่ากันคือตบยาวบ้างสั้นบ้างเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ลังเลในการตั้งรับจะทำให้ลูกโยนข้ามมาไม่แน่นอนเราก็จะดักขึ้นตีโดยเตรียมหาจังหวะชูไม้แบดมินตันไว้ตบลูกซ้ำสองถ้าคู่ต่อสู้หยอดข้ามมาให้เรา เราจะต้องเคลื่อนเข้าหาลูกโดยเร็ว และตีลูกขณะอยู่สูงสุด อย่าตีลูกตกต่ำหรือตีลูกใต้มือโดยไม่จำเป็นในการเล่นเกมส์เดี่ยวลูกตบมีการเล่นพอ ๆ กันกับประเภทคู่ แต่ลูกที่คู่ต่อสู้โยนข้ามมาไม่ถึงหลัง (เศษสามส่วนสี่) ของสนามถือว่าสั้นผู้เล่นควรใช้ลูกตบเป็นส่วนใหญ่สลับกับลูกแตะหยอดหรือจี้โด่งมุมหลังเป็นครั้งคราว จะทำให้คู่แข่งขันเกิดความกังวลใจช่วยให้เราตีลูกอื่นได้สบายขึ้นแต่ลูกตบนี้ไม่ควรใช้บ่อยถ้าคู่แข่งขันรับได้ก็จะทำให้เราเปลืองแรงโดยใช่เหตุ ควรเล่นลูกอื่นหลอกล่อจนคู่แข่งขันเสียหลักก่อนแล้วจึงค่อยตบการตั้งรับลูกตบให้ยืนค่อนไปทางด้านตาข่ายเล็กน้อยห่างจากเส้นส่งสั้นประ มาณ 3 ฟุต จะทำให้ผู้รับรับลูกในระดับสูงได้เป็นการลดช่องว่างของสนามให้แคบลงการกำหนดจุดตั้งรับดังกล่าวนี้ อาจทำได้ผู้รับยืนยันในตอนแรก เพราะจะต้องคอยรับลูกตบในระยะที่ใกล้กว่าเดิมเมื่อฝึกจนชินแล้วจะพบว่าการรับลูกตบ ณ จุดดังกล่าวจำทำให้ได้เปรียบคู้ต่อสู้เป็นอย่างมากนอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีการนำเอาวิธีการต่างๆต่อไปนี้มาใช้ในการเล่นให้ดีขึ้น คือ(1) การพลางหน้าไม้แบดมินตัน ไม่ให้คู่ต่อสู้รู้ว่าเราจะตีลูกอะไร(2) การคาดการณ์ล่วงหน้า ว่าคู่ต่อสู้จะตีลูกอะไรเราจะดักตีด้วยลูกอะไรโดยดูจากหน้าไม้ ลักษณะท่าทางหรือเดาเหตุการณ์เอา(3) ลูกที่ใช้ตีมากในการเล่นเดี่ยวมีเพียง 3 ลูก คือ ลูกโด่งหลัง ลูกตบ และลูกหยอดจึงควรฝึกให้แม่นยำและนำมาใช้ให้มาก จะทำให้ผู้แข่งขันของเราต้องวิ่งอยู่ตลอดเวลา

ฟุตเวิร์คกับจังหวะของการตีลูก



         กีฬาแบดมินตัน เป็นเกมส์ที่ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต้องมีการเคลื่อนย้ายตัววิ่งไล่ตีลูกตลอดเวลาผู้เล่นจึงต้องรู้จักการวิ่งเข้าออก การประชิดลูกในจังหวะที่ถูกต้อง เคลื่อนย้ายตัวเองไปอยู่ในจุดที่ถูกต้อง ตีลูกได้ถนัด ตีด้วยความสะดวก ตีลูกด้วยความง่ายดาย และสิ้นเปลืองพลังงานให้น้อยที่สุด
ฟุตเวิร์ค หรือจังหวะเท้าสำหรับการเล่นแบดมินตันมีความสำคัญมากที่สุด ฟุตเวิร์คที่ดีจะทำให้การออกตัวสืบเท้า พาตัวพุ่งไปสู่ทิศทางต่าง ๆ รอบสนามกระทำได้ด้วยความคล่องแคล่วและฉับไวเพราะหลักการสำคัญที่สุดในกีฬาแบดมินตันสำหรับผู้เล่นทุกคนที่เล่นเพื่อความเป็นเลิศในระดับแข่งขัน จะต้องจำไว้ให้แม่นก็คือ
        - จะต้องวิ่งเข้าไปหาลูกเสมอ อย่าทิ้งช่วงปล่อยให้ลูกวิ่งมาหา
        - จะต้องพุ่งตัวเข้าตีลูกให้เร็วที่สุด และตีลูกขณะที่อยู่ในระดับที่สูงที่สุด
            เพราะฉะนั้นในเกมการเล่นแบดมินตันการคาดคะเน(Anticipation)เป้าหมายการตี กับวิธีทางตีลูกของฝ่ายตรงข้าม จึงจำเป็นต้องพิถีพิถันเป็นพิเศษ บางครั้งยังต้องใช้เทคนิคการ “ดักลูก”เข้ามาช่วยอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเล่นประเภทคู่จะต้องอาศัยการจับทางของคู่ต่อสู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อการพุ่งเข้าประชิดตีลูกในระดับบนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้การตีลูกในระดับที่สูง จะทำให้ผู้เล่นมีโอกาส “กดลูก” บีบเกมเล่นให้ฝ่ายตรงข้ามต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับ อีกทั้งยังมี “มุมลึก” กับ“เป้าหมาย” สำหรับการตีลูกได้มากขึ้น ยิ่งตีลูกจากระดับสูงได้มากเท่าใดย่อมจะมี “มุมลึก” ของเป้าหมายได้มากเท่านั้น เช่นการกระโดดตบพร้อมทั้งใช้ข้อมือตวัดตีลูกจิก จะทำให้ลูกสามารถข้ามไปในมุมที่ลึกกว่าการตบลูกจากระดับธรรมดา ถ้าทำอย่างนี้ได้ จะทำให้ลูกที่ตีข้ามไปนั้นเกิดวิถีลูกที่ข้ามไปหลากหลาย ทำให้คู่ต่อสู้เดาการเล่นของเราไม่ถูก หรือคาด การณ์ออกว่าเราจะส่งลูกไปในลักษณะใด
            ฟุตเวิร์ค จังหวะเท้าที่ดี เริ่มต้นที่ผู้เล่นทิ้งน้ำหนักตัวบนปลายเท้าทั้งสอง หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ไม่ควรยืนด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวบนแผ่นเท้าทั้งสอง ในขณะที่ยืนปลายเท้า ควรวางเท้าทั้งสองแยกจากกันเล็กน้อยตามถนัด การยืนในลักษณะนี้ทำให้ผู้เล่นพร้อมที่จะพุ่งตัวออกจากจุดศูนย์กลางอย่างฉับไว การพุ่งออกไปไม่ว่าจะไปทางด้านหน้า ด้านหน้าซ้ายขวา ด้านข้างซ้ายขวาหรือด้านหลัง หรือหลังซ้ายขวา ผู้เล่นสามารถเคลื่อนย้ายตัวไปครอบคลุมพื้นที่สนามได้ทั้งหมดจังหวะเท้าอาจจะซอยถี่ เป็นช่วงสั้น หรือยาวตามแต่สถานการณ์ ในกรณีที่ต้องวิ่งในระยะทางไกลควรสาวเท้าเก้ายาว เมื่อถึงจังหวะที่จะเข้าประชิดลูกก็อาจจะซอยฟุตเวิร์คสั้นลงเพื่อเสาะหาจังหวะการตีลูกให้กับตัวตามถนัด
            การสืบเท้าเข้าประชิดลูกไม่ว่าเป็นก้าวสั้นหรือก้าวยาว ควรจะพาตัวเข้าใกล้ลูกในระยะใด ผู้เล่นควรคำนึงถึงความจริงว่า ถ้าลูกห่างไกลจากตัวมาก ผู้เล่นจะเอื้อมตีลูกด้วยความลำบาก แรงที่ส่งมาจากแหล่งต่าง ๆ ของการตีลูกไม่มีโอกาสได้รวมพลังใช้อย่างเต็มที่ในทำนองเดียวกัน ถ้าลูกประชิดในระยะใกล้เกินไป วงสะวิงของการเหวี่ยงตีลูกแคบแขนติดที่ช่วงไหล่ ก็จะทำให้แรงตีลูกไม่สามารถนำออกใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน ระยะห่างจากตัวผู้เล่นในขณะที่เล่นควรจะอยู่ในระหว่าง 2-3 ฟุตจากลำตัวเป็นระยะที่กว้างพอสำหรับการตีลูกได้อย่างถนัดและเต็มเหนี่ยว
            ฟุตเวิร์ค หรือจังหวะเท้า จะวางอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องไม่ลืมการตีลูกเบสิคพื้นฐาน ลูกหน้ามือ เท้าซ้ายอยู่หน้า เท้าขวาอยู่หลัง และลูกหลังมือ เท้าขวาจะอู่หน้า เท้าซ้ายจะอยู่หลัง (สำหรับผู้เล่นที่ถนัดขวาถ้าถนัดซ้ายก็สลับกัน) ฝึกฟุตเวิร์คจังหวะเท้าไปสักพักใหญ่ ๆ ทุกอย่างจะดำเนินไปโดยธรรมชาติ ผู้เล่นจะไม่คำนึงหรือกังวลเรื่องของฟุตเวิร์คอีกเลย




ความคิดเห็น

  1. Harrah's Cherokee Casino Resort reopens sportsbook, poker room
    Harrah's 이천 출장안마 Cherokee Casino Resort will reopen its sportsbook on May 제주도 출장샵 29. It will feature 영천 출장마사지 six poker 경주 출장안마 rooms, four blackjack 충주 출장마사지 tables, three video poker tables,

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

บทที่5 ประโยชน์ของแบดมินตัน

บทที่ 1 ประวัติกีฬาแบดมินตัน